เอกการยาง ไว้ใจ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพังงา

สาระน่ารู้ ... จากเอกการยาง

Pilot Sport 5

          MICHELIN Pilot Sport 5 เป็นยางรุ่นล่าสุดของมิชลินเป็นสไตล์สปอร์ต ยึดเกาะได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในถนนเปียกหรือถนนแห้ง ตัวยาง Michelin Pilot Sport 5 มีคุณสมบัติเด่นดังนี้

         

          คุณสมบัติเด่นของยาง Michelin Pilot Sport 5 ขับขี่อย่างมั่นใจ สามารถขับขี่ได้ทั้งถนนเปียก และถนนแห้ง สามารถยึดเกาะได้ดีเยี่ยมและยาวนาน ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสสมรรถนะในการยึดเกาะ และประสิทธิภาพในการบังคับความคุมสูงสุด สามารถเบรกได้ดีเยี่ยมทั้งถนนปียกและถนนแห้ง เป็นผลมาจากเทคโนโลยี ดอกยางดีไซน์แบบสปอร์ต ทำหน้าที่เสริมได้อย่างลงตัว มีแรงบันดาลใจจากประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต ดอกยางจะมีลักษณะร่องของดอกยางขนาดใหญ่ จะช่วยในการยึดเกาะและรีดน้ำบนพื้นถนนเปียกได้ดี ตัวดอกยางข้างนอกจะมีบล็อกของดอกยางที่แข็งแรงจะออกแบบมาเพื่อสามารถยึดเกาะบนถนนเปียกได้ดี และยังมีร่องน้ำแบบ Groove Clear  ได้มีการออกแบบมาอย่างลงตัว ซึ่งจะทำงานผสานกันระหว่างร่องดอกยางขนาดใหญ่ตามทิศของการหมุนและตามร่องบากของแนวขวาง จะช่วยให้ยางมิชลิน ไฟลอต สปอร์ต 5 สามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นถนนที่เปียกหรือถนนแห้ง

         

          ขับสนุกเร้าใจยิ่งกว่า พร้อมที่จะโลดแล่นไปได้ไกลกว่าที่เคย สามารถตอบสนองต่อการขับขี่ได้ปลอดภัย และฉับไว สามารถควบคุมได้ดั่งใจด้วยการผสานสมรรถนะของการควบคุมรถ และยังสามารถบังคับการเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ และลงตัว แถมยังออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ปลอดภัย เสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่รถตั้งแต่วันแรกที่ใช้  และยังใช้เทคโนโลยี Dynamic Response มาทำงาร่วมกับเข็มขัดรัดหน้ายาง HyBrid Belt ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากและการถ่ายทอดมาจากประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต แถมยังใช้สูตรเนื้อยางพิเศษที่ทำงานผสานวัตถุดิบของอะรามิดและไนลอนเข้ากันได้อย่างดี ช่วยในเรื่องของการควบคุมการเลี้ยวได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพสูง แถมยังมีโครงสร้ง Max Touch ช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสให้กับยางที่สัมผัสกับพื้นผิวถนน ยังช่วยกระจายแรงกดของหน้ายางให้มีความสม่ำเสมอในขณะที่ขับด้วยความเร็ว เข้าโค้งและเบรก และ ยางมิชลิน ไพลอต  สปอร์ต 5 เป็นยางที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แถมยังให้สมรรถภาพที่ดี  และยังผสานสุดยอดสมรรถนะและความเท่ ได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์แก้มยางแบบ Premium Touch สามารถทำให้รถสปอร์ตมีความโดดเด่นอย่างมีสไตล์

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก


การดูแลรักษายาง

          การดูแลรักษายาง เป็นส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนน จึงส่งผลต่อการควบคุมรถ การขับขี่ การเบรก และความปลอดภัยโดยตรง  ยางจะต้องมีแรงดันลมที่สมดุล และตำแหน่งของล้อรถต้องอยู่ในแนวเดียวกันเสมอ การบำรุงดูแลรักษารถยนต์ เรื่องยางเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรได้รับการดูแลรักษา ผู้ใช้รถควรสังเกตอาการผิดปกติของยางที่อาจเกิดขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายต่อรถยนต์

          การตรวจสอบยางรถยนต์เป็นประจำนั้น เป็นขั้นตอนสำคัญ ทางที่ดีควรทำการตรวจสอบยางทุกเดือน เพราะในแต่ละวัน อาจจะต้องขับรถทางไกลเป็นประจำ เจอหลุมบ่อบนท้องถนน หรืออยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็น เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณควรตรวจสอบยางให้บ่อยมากขึ้น เพื่อการแก้ไขปัญก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ และมีค่าใช้จ่ายสูงตามมา

 

อายุการใช้งานของยางรถยนต์

          การขับขี่ และเส้นทางเป็นตัวบ่งบอกอายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้ เพราะเมื่อรถยนต์มีการใช้งานเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความสึกหรอของยาง หรือบางครั้งยางอาจมีบาดแผลเกิดขึ้น เกิดความเสียหาย ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที มาตรฐานในปัจจุบัน ยางรถยนต์ จะมีอายุ 2 – 5 ปี ประมาณ 30000 - 40000 กม. ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ผู้ใช้รถควรเช็คสภาพยางสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้รถบนท้องถนน

 

การดูแลรักษายาง ในส่วนของการเบรก                     

          ส่วนสำคัญที่ควบคุมความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ คือ การเบรกเป็นการชะลอความเร็วของล้อรถ หยุดรถ จอดรถ เป็นต้น ต้องอาศัยจังหวะ และสมาธิที่ดีในการสั่งงานของสมองของผู้ใช้รถ การเบรกจำเป็นต้องมีขั้นตอนและวิธีที่ถูกต้อง สิ่งที่ไม่ควรทำเหยียบเบรกรถพร้อมกับเลี้ยวด้วยความเร็ว การเบรกรถจ่อท้ายที่ติดกับคันหน้ามากจนเกินไป การแตะคันเร่งพร้อมกับการเบรกรถ การเบรกในระยะสั้นเป็นการเบรกที่อันตรายที่สุด ไม่ควรประมาทในขณะขับขี่อย่างเด็ดขาด

 

เครื่องหมายบนแก้มยาง

          ปัญหาการสึกหรอของยาง สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้รถเป็นประจำสักระยะ การสึกหรอของยาง อาจเกิดขึ้นได้ไม่เท่ากัน ระหว่างล้อหน้า และล้อหลัง การสลับยาง จึงเป็นการทำให้การเสื่อม สึกหรอ ของยางมีความเสมอกัน โดยการเปลี่ยนตำแหน่งยาง คู่หน้าไปไว้แทนที่คู่หลัง สามารถทำได้ ทุก ๆ 6 เดือน ควรทำโดยช่างผู้ชำนาญที่ศูนย์บริการ เพื่อรักษายางรถยนต์ของผู้ใช้ได้ดีที่สุด

 

การดูแลรักษายาง ในส่วนของการตั้งศูนย์ Wheel Alignment ถ่วงล้อ Tire Balance

          ทุกครั้งที่มีการ เปลี่ยนยางรถยนต์ หรือเกิดอาการรถเอียง ยางสึกหรอ พวงมาลัยเอียง สั่น ได้รับการกระแทกจากการขับขี่ จึงต้องทำการตั้งศูนย์และถ่วงล้อ การตั้งศูนย์ เป็นการเซ็ทระบบช่วงล่าง ตั้งมุมของล้อตามค่าจากที่โรงงานกำหนด ช่วยจัดทิศทางของรถ ลดแรงสั่นสะเทือนได้ ให้ล้อทั้ง 4 ล้อ ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน สามารถทำได้ทุกปี หรือประมาณ 25,000 กม. เพราะชิ้นส่วนตัวสปริงค์ ลูกยางต่าง ๆ เริ่มเสื่อมหมดอายุตามการใช้งานไปทุกวัน ซึ่งมีผลกระทบกับการกระจายน้ำหนักที่ผิดไปจากมาตรฐานเดิมทันที ถ่วงล้อ เพื่อให้เกิดความสมดุลของล้อ หลังเปลี่ยนยาง ช่วยลดการสั่นสะเทือนในขณะขับขี่ทำให้นิ่มนวลขึ้น สามารถทำควบคู่ได้กับการตั้งศูนย์       

 

การดูวันที่ผลิตยางรถยนต์

          วันที่ผลิตยางรถยนต์สามารถบอกประสิทธิภาพของยางได้ โดยทั่วไปเราควรเลือกซื้อยางรถยนต์ที่ผลิต ในช่วง 3-6  เดือน หรือ ภายใน 1-2 ปี สามารถตรวจสอบได้จาก เลขบนแก้มยาง จะระบุเลข 4 ตัว โดย สองตัวแรกคู่หน้า หมายถึง สัปดาห์ที่ผลิต เลขสองตัวคู่หลังหมายถึง ปีที่ผลิต

 

การเติมลม

          ลมยางมีความสำคัญต่อรถยนต์ อาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน และความปลอดภัย ช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกทาง ควรเติมลมยางให้เหมาะพอดีกับรถ หน่วยเป็น (PSI) ซึ่งมีเป็นหน่วยมาตรฐาน ส่วนใหญ่ที่ใข้กันทั่วไป คือ

          30–32 (PSI) สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก

          30-35 (PSI) สำหรับรถยนต์ขนาดกลาง

          38-40 (PSI)  สำหรับรถกระบะ 

 

          แรงดันของลมยาง ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป ในกรณีที่ลมยางแข็งเกินไป จะทำให้รถเกิดแรงการสั่นในขณะขับขี่ และในกรณีลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้เสี่ยงต่อการระเบิดของยางจากความร้อนของยางที่บิดตัว ผู้ใช้รถสามารถตรวจสอบได้ที่รถตรงด้านข้างประตูคนขับ ปัจจุบันมีการ เติมลมยางแบบไนโตรเจน ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ เบื้องต้นควรเช็คลมยาง อย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือ ทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกล 

 

การสลับยาง

          ปัญหาการสึกหรอของยาง สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้รถเป็นประจำสักระยะ การสึกหรอของยาง อาจเกิดขึ้นได้ไม่เท่ากัน ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง การสลับยาง จึงเป็นการทำให้การเสื่อม สึกหรอของยางมีความเสมอกัน โดยการเปลี่ยนตำแหน่งยาง คู่หน้าไปไว้แทนที่คู่หลัง สามารถทำได้ ทุก ๆ 6 เดือน ควรทำโดยช่างผู้ชำนาญที่ ศูนย์บริการ เพื่อรักษายางรถยนต์ของผู้ใช้ได้ดีที่สุด

 

          ทุกวันนี้ หมดห่วงเรื่องการดูแลรถยนต์ ทางเอกการยาง เราเป็นศูนย์บริการ ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะตรวจเช็คสภาพรถ ติดตั้งยาง เปลี่ยนยาง ซ่อมยาง ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ และอีก หลายรายการ เราใส่ใจในการบริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด

 

ช่องทางการติดต่อ 076-609-779 หรือ ติดต่อได้ที่สาขา ทั้ง 6 สาขา ดังนี้

  • สาขาโคกกลอย เปิดบริการ วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 08.00 - 17.00 น.

  • สาขาเมืองพังงา ( ในปั๊มราชพฤกษ์ ) เปิดบริการ วันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 19.00 น. (เปิดบริการทุกวัน)

  • สาขาถลาง ( ทางเข้าสนามบิน) เปิดบริการ วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 08.30 - 17.30 น.

  • สาขาไทวัสดุ ท่าเรือ เปิดบริการ วันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 19.00 น. (เปิดบริการทุกวัน)

  • สาขาบายพาส (ตรงข้ามปั๊มบางจาก) เปิดบริการ วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 08.30 - 19.00 น.

  • สาขาเจ้าฟ้าตะวันออก เปิดบริการ วันจันทร์ - เสาร์ เวลา 08.30 - 19.00 น.


ไล่ฝ้ากระจกรถยนต์

          ไล่ฝ้ากระจกรถยนต์ เป็นระบบที่ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางได้อย่างชัดเจน ลดการเกิดฝ้า อุณหภูมิความชื้นจนทำให้อากาศเป็นไอน้ำอยู่บนกระกระจกทั้งในและนอก โดยประเทศได้จะพบได้บ่อย หน้าฝน หน้านาว อย่างไรก็ตามระบบไล่ฝ้าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม หรือมีประโยชน์อย่างไรและอาจจะใช้งานผิดวิธี เราจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับระบบไล่ฝ้ารถยนต์มาบอกต่อและบอกวิธีใช้งานที่ถูกต้อง

 

ไล่ฝ้ากระจกรถยนต์คืออะไร ?

          เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศในการขับขี่ ลักษณะเป็นเส้นลวดทำจากนิกเกิลหรือทองแดง ฝังอยู่บริเวรพื้นผิวหน้ากระจก กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านขวดและเกิดความร้อนที่กระจกทำให้หยดน้ำหรือความชื้นระเหย

 

ปุ่มไล่ฝ่าในรถยนต์ มีด้วยกัน 2 แบบ

ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหน้า (สี่เหลี่ยมคางหมู) แผงแดชส์บอร์ด แผงด้านหน้าบนคอนโซลหน้าเป็นช่องอากาศที่ตัวรถดูดเอาอากาศภายนอกเข้ามาเป่าไปยังกระบังลมหน้าเพื่อปรับอุณหภูมิให้กระจก ลดการเกาะของไอน้ำ

ปุ่มไล่ฝ่ากระจกหลัง(สี่เหลี่ยมผืนผ้า) กระจกหลังทุกรุ่นจะมีเส้นแนวนอนสีส้ม หรือสีทองแดง เป็นนิเกิลหรือลวดเส้นทองแดงระบบจะส่งกระแสไฟฟ้าเป็นความร้อนไปยังขดลวดเพื่อละเหยไอน้ำบนกระจก นอกจากนี้ยังมีปุ่มไล่ฝ้าบนกระจกมองข้าง โดยใช้ความร้อนจากลวดทองแดง ที่ในปัจจุบันเป็นออปชั่นมาตราฐานในรถบางรุ่น

 

ไล่ฝ้ากระจกรถยนต์ เปิดไว้นาน ๆ ได้ไหม ?

 

          สำหรับระบบไล่ฝ้า ควรปิดทันทีเมื่อเห็นว่าไอน้ำระเหยออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหากเปิดทิ้งไว้ตลอด จะเหมือนกับเราดูดอากาศด้านนอก ซึ่งอาจจะมีมลภาวะ ควัน หรือไวรัสต่าง ๆ เข้ามาในรถของเรา ระบบไล่ฝ้าด้านหลัง สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ จะมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อเปิดทิ้งไว้ 15นาที ก็จะมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ ถ้าหากเป็นรุ่นเก่าแล้วละก็ หากลืมเปิดทิ้งไว้ ระบบไล่ฝ้าด้านหลังก็จะทำงานตลอดเวลา อาจจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพการใช้งานได้เร็วขึ้น หรืออาจจะทำให้ถึงขึ้นกระจกร้าวก็เป็นได้ ดังนั้นควรระมัดระวังในการใช้งานระบบไล่ฝ้า หรือเปิดนานจนเกินไป ไม่ควรเปิดเกิน 30นาที แต่ถ้าหากรถยนต์คันใหม่ ไม่มีการติดตั้งระบบไล่ฝ้า หรือระบบมีปัญหาแล้วมีฝ้าแล้วละก็ สิ่งแรกที่ท่านควรทำคือ ลดอุณหภูมิลงเปิดกระจกก็จะช่วยให้ไอน้ำหรือฝ้าระเหยออกไปได้


ศูนย์บริการยางรถยนต์ เอกการยาง ภูเก็ต-พังงา

          หลายท่านอาจจะประสบปัญหารถเสื่อมสภาพหรือรถยนต์มีปัญหา แต่กำลังมองหาศูนย์บริการรถยนต์ที่ครบวงจร ที่มีบริการแทบจะทุกด้านพร้อม โปรโมชั่น ดี ๆ วันนี้มีศูนย์บริการรถยนต์มาแนะนำ ไทรพลัส เอกการยาง เป็นศูนย์บริการทางด้านยานยนต์ที่มีคุณภาพ ที่มีสาขาเปิดบริการที่มากกว่า 6 สาขา

 

แล้วเอกการยางดียังไง ?

 

          เอกการยาง เป็นศูนย์บริการด้านยานยนต์ที่มีอะไหล่ อุปกรณ์ครบครัน พร้อมช่างมีฝีมือ พนักงานที่ทำงานเป็นมืออาชีพ มีการบริการที่ดี และมีสาขาให้เลือกใช้บริการได้ถึง 6 สาขาไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนยาง ปะยาง เปลี่ยนแม็กซ์ ซ่อมช่วงล่าง ถ่วงล้อ ตั้งศูนย์  เป็นศูนย์บริการยานยนต์ที่ตอบโจทย์คนรักรถยนต์ได้ดี

 

มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง ?

 

          เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 10000 โล เป็นน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพเพิ่มสมรรถะภาพเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น และพิเศษแถมฟรี! ไส้กรอง ค่าแรง แหวนรอง

          ชุดสุขภาพรถยนต์ ที่ท่านจะได้ ราคาประหยัดสบายกระเป๋า ได้ของดีราคาถูก แต่คุณภาพเกินคุ้ม ลดสูงสุด 20%

          ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์  เบ็นดิกซ์มั่นใจทุกครั้งที่แตะเบรก ลดพิเศษ 10%

          ไม่ว่าจะเปลี่ยนยาง เปลี่ยนแม็ก หรืออะไหล่อื่น ๆ เพียงชำระผ่านบัตรเคดิต ผ่อน 0% นานถึง 6 เดือน

          เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้ถือบัตร MY CARE ฟรี  สลับยาง-ถ่วงล้อ และค่าบริการนอกสถานที่ ลด 10 % สำหรับเปลี่ยนยาง 4 เส้น เปลี่ยนโช้ค KYB และ Monroe เปลี่ยนแบตเตอรี่ FB GOLD และเปลี่ยนผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ และยังมีบริการปะยาง ลด 50% ตั้งศูนย์ ลด 20 %

** โปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไตรมาส เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด  กรุณาตรวจสอบโปรโมชั่น และเงื่อนไขก่อนเข้าใช้บริการ

 

ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรีมากกว่า 30 รายการ

 

  1. การสึกหรอของยาง

  2. ลูกปืนล้อหน้า 

  3. ลูกปืนล้อหลัง  

  4. ระบบแสงสว่างรอบคัน  

  5. ผ้าเบรกหน้า  

  6. ผ้าเบรกหลัง  

  7. จานเบรกหน้า

  8. จานเบรกหลัง+ดั๊มเบรก

  9. โช้คอัพหน้า  

  10. โช้คอัพหลัง

  11. ยางหุ้มเพลาขับ

  12. ยางกันกระแทกคู่หน้า

  13. ยางกันกระแทกคู่หลัง  

  14. เพลากลาง จุด 1,2,3  

  15. ระบบบังคับเลี้ยว

  16. ลูกหมาก 

  17. ปีกนกบน

  18. ปีกนกล่าง  

  19. ใบปัดน้ำฝน  

  20. แบตเตอรี่และระดับน้ำกลั่น

  21. กรองอากาศ

  22. กรองแอร์

  23. น้ำมันเครื่อง  

  24. น้ำมันเกียร์ 

  25. น้ำมันเฟืองท้าย  

  26. น้ำมันคลัตซ์ 

  27. น้ำมันเบรก

  28. น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ หม้อน้ำ+น้ำยา  

  29. ลมยางอะไหล่  

  30. ตรวจเช็คสภาพภายนอกรอบคัน

 

หากท่านใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ไทร์พลัสเอกการยางทุกสาขา

Call Center 076 609 779

061 542 6190 สาขาเจ้าฟ้าตะวันออก

061 542 6190 สาขาเจ้าฟ้าตะวันออก

076 328 001 สาขาถลาง (ทางเข้าสนามบิน)

064 941 6664 สาขาไทวัสดุ (ท่าเรือ)

076 581 325 สาขาโคกกลอย 

098 010 4450 สาขาเมืองพังงา

Facebook : เอกการยาง

 

 


ขับรถทางไกล ต้องพักรถไหม แล้วต้องดับเครื่องหรือเปล่า ?

          วันหยุดยาวหลาย ๆ คนคงเดินทางกลับต่างจังหวัดโดยรถส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกกันเพราะสะดวกสบาย การขับรถทางไกลเป็นเวลานาน ๆ  หลายคนยังสงสัยว่าขับรถเป็นเวลานานแล้วจำเป็นที่จะต้องจอดพักรถไหม หรือเราจะขับรถต่อไปยาว ๆ ได้ไหม หรือหากเราจอดรถแวะพักแล้วสามารถดับเครื่องยนต์เลยได้ไหม หรือจะต้องรอก่อนถึงจะดับเครื่องยนต์ได้ วันนี้เราจะพามาหาคำตอบ

 

ก่อนเดินทางไกลต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

          ก่อนที่เราจะเดินทางไปต่างจังหวัดโดยรถส่วนตัวสิ่งที่เราจะต้องทำคือ การตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง ตรวจความพร้อมต่าง ๆ ของรถให้เรียบร้อย เช่น ตรวจเช็คยางรถยนต์ ตรวจเช็คลมยาง ระบบไฟส่องสว่าง ระบบเบรก สิ่งที่สำคัญที่สุดผู้ขับขี่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ จะได้ไม่เกิดการหลับในเมื่อขับรถเป็นเวลานาน

 

ขับรถทางไกลต้องพักรถไหม ?

          การขับรถทางไกลไม่ว่าจะเป็นการขับรถข้ามจังหวัด การขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน 3-4 ชั่วโมง จะทำให้เกิดความร้อนสูงในห้องเครื่องยนต์ ถึงจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่อันตรายหรือส่งผลเสีย แต่ควรที่จะจอดพักรถบ้าง ทุก ๆ  2-3 ชั่วโมง/ครั้ง เพื่อที่จะให้เครื่องยนต์คลายความร้อน และที่สำคัญคนที่ขับรถยังได้พักอีกด้วยเพราะขับรถในระยะทางไกลจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้า

 

ขับรถทางไกล จอดพักรถดับหรือไม่ดับเครื่อง ?

          เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าขับรถทางไกลเวลาจอดพักรถต้องดับเครื่องหรือไม่  บางคนบอกว่าต้องวอร์มเครื่องเพราะเครื่องยนต์ทำงานมาหนักมีความร้อนในห้องเครื่องยนต์อยู่จึงจำเป็นที่ต้องระบายความร้อนก่อน บางคนก็บอกว่าสามารถดับเครื่องได้ทันที จริง ๆ แล้วเป็นความคิดที่ถูกต้องแต่จะขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ว่าเป็นประเภทของเบนซิน หรือเครื่องยนต์ดีเซล

  • รถเครื่องยนต์เบนซิน 

          รถเครื่องยนต์เบนซินหากต้องเดินทางไกลหรือขับเป็นเวลานาน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจอดพักสามารถที่จะดับเครื่องยนต์ได้ทันที เพราะระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์เบนซินนั้นมีระบบระบายความร้อนที่เสถียร จะสามารถระบายความร้อนได้ดีอยู่แล้ว

  • รถเครื่องยนต์ดีเซล

          รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่ จะไม่นิยมดับเครื่องทันทีเมื่อจอดพัก เพราะเครื่องยนต์มีเทอร์โบเป็นส่วนประกอบ ทำหน้าที่อัดอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้ ทำให้เพิ่มแรงบิดให้มากขึ้น ซึ่งเทอร์โบจะทำให้มีการสะสมความร้อนมากขึ้นเมื่อขับขี่เวลานาน ๆ เมื่อถึงเวลาจอดพักไม่ควรที่จะดับเครื่องทันที ควรที่จะวอร์มเครื่องประมาณ 10-15 นาที เพื่อจะให้เครื่องระบายความร้อนออกมา หากดับเครื่องทันที ระบบระบายความร้อนก็จะหยุดทำงานทันที จะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในเครื่องยนต์ จะทำให้ชิ้นส่วนเสี่อมสภาพหรือเสียหายได้

 

จอดพักรถต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถไหม ?

          จะเห็นได้บ่อยในปั๊มน้ำมันที่รถกระบะจอดรถโดยการเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อให้ระบายความร้อน แต่การเปิดฝากระโปรงก็ไม่ได้ช่วยระบายความร้อนได้มาก สามารถระบายความร้อนได้เพียงเล็กน้อย เลือกที่จะเปิดฝากระโปรงหน้ารถหรือไม่เปิดก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าของรถ


วิธีดูแลรถให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ

          รถยนต์ คือ ทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่มีราคาสูง สำหรับหลาย ๆ คนอาจจะเปลี่ยนคันใหม่อยู่บ่อย ๆ อาจจะเทินคันเก่า หรือขายคันเก่าเพื่อไปออกคันใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลรถให้เหมือนใหม่อยู่เสมอทั้งภายนอกและภายใน เพราะหากเราอยากขายแน่นอนอยู่แล้วว่ารถที่มีสภาพใหม่จะได้ราคาที่ดีกว่ารถที่มีสภาพเก่า ดั้งนั้นเรามีวิธีแนะนำให้รถของคุณดูเหมือนใหม่ดังนี้

 

เลี่ยงการจอดรถกลางแดด                                                                                                                                                      

          การจอดรถตากแดดจะทำให้รังแสงสียูวีทำร้ายแว็กซ์หรือสารเคมีที่เคลือบสีรถให้เสื่อมสภาพลง จะทำให้รถดูไม่เงางามหรือหรือสภาพสีรถหมองลง และแสงแดดยังส่งผลเสียไปถึงยางรถอีกด้วย ถึงแม้จะจอดเฉย ๆ ยางรถโดนความร้อนก็จะเสื่อมสภาพไม่ต่างจากการขับขี่ใช้งาน และยังส่งผลเสียงไปถึงส่วนอื่น ๆ อีกด้วย

 

แว็กซ์สีรถยนต์                                                                                                                                                                                    

          การที่แว็กซ์สีรถยนต์จะทำให้รถดูใหม่อยู่เสมอ รถจะไม่ดูเก่า และยังสามารถป้องกันรอยขีดขวนได้อีกด้วย ถึงจะไม่สามารถป้องกันรอยขีดขวนหนัก ๆ ได้ แต่ก็สามารถป้องกันเศษเล็กเศษน้อย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ และยังทำให้รถมีความเงางามดูไม่หมองอีกด้วย

 

เช็ดทำความสะอาดคราบสกปรก                                                                                                                                              

          ควรเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรให้มีคราบสกปรกเกาะอยู่กับรถนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นคราบขี้นก หรือคราบฝุ่น เพราะคราบพวกนี้จะค่อยแทรกซึมไปยังสีของรถคุณ จะทำให้รถของคุณมีสีด่าง และดูเก่าลง เพราะฉะนั้นคุณควรทำความสะอาดรถอาทิตย์ละครั้ง เพราะหากปล่อยไว้นาน ๆ จะแก้ไขคราบสกปรกยาก หากคุณต้องเอาไปคลือบแก้ว หรือขัดสีราคาก็ค่อนข้างสูง ทางที่ดีคุณไม่ควรปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนาน ๆ หรือคุณควรใช้ผ้าคลุมรถคลุมไว้ในตอนที่ไม่ได้ใช้งาน

 

ดูแลสมรรถนะรถยนต์                                                                                                                                   

          ด้านนอกดูสวยงามแค่ไหนแต่ถ้าเครื่องยนต์มีปัญหาก็เท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญก็อยู่ที่ตัวเครื่องยนต์ด้วยเช่นกันควรเช็ค และควรถ่ายน้ำมันเครื่องตามกิโลเมตร เพราะน้ำมันเครื่องก็มีความสำคัญต่อเครื่องยนต์มากเช่นกัน เพราะมีหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนในเครื่องยนต์  ช่วยระบายความร้อน และความสึกหรอ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนตามระยะที่กำหนดไว้ ทำให้เครื่องยนต์ของคุณมีปัญหา และจะต้องเสียเงินมากกว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ถ้าหากเครื่องยนต์พัง และต้องดูแลไปถึงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบแบตเตอรี่ ระบบไฟส่องสว่าง หรือระบบอื่น ๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 

ตรวจเช็คลมยาง

          ขั้นตอนตรวจเช็คลมยางสามารถทำได้ง่าย ๆ ตรวจเช็คลมยางและเติมลมยางให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย เดือนละ 2 ครั้ง เติมลมยาง ให้มีปริมาณที่พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สามารถช่วยป้องกันการสึกหรอของยางได้  และยังสามารถช่วยให้ขับขี่ปลอดภัย และยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย

 

ทำความสะอาดห้องโดยสาร                                                                                                         

          นอกจากภายนอกรถที่ดูสะอาดแล้ว ภายในรถก็ต้องสะอาดด้วย เพราะการรักษาความสะอาดภายในรถจะทำให้รถของเราดูใหม่อยู่เสมอ โดยสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ ดังนี้

 

  1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดให้ทั่ว ดูดฝุ่น ดูดเศษขยะที่ติดอยู่ตามซอกตามมุม ทำความสะอาดตั้งแต่คอนโซลหน้ารถไปจนถึงเบาะหลังรถ ดูดที่พรหมวางเท้าและต้องดูดที่ใต้พรมวางเท้าด้วย

  2. ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด จะต้องใช้ผ้าที่หมาด ๆ เท่านั้นใช้เช็ดทำความสะอาดเฉพาะคอนโซลหน้าและเบาะหนังเท่านั้น

 

ไม่จำเป็นต้องขัดสีทุกครั้งที่ล้างรถ

          ไม่จำเป็นต้องขัดสีทุกครั้งที่ล้างรถ เพราะคราบสิ่งสกปรกที่ติดแน่นอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะการที่ขัดสีบ่อย ๆ ก็เท่ากับการที่เราเอาแร็กเกอร์ที่เราเคลือบสีออกไปทีละนิด


เช็ครถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล

          เช็ครถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล แม้ว่ารถที่คุณใช้งานเป็นประจำทุกวันไม่เคยพบปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับภายในและภายนอกของรถยนต์ หากคุณมีแพลนที่จะเดินทางไกล เดินทางไปต่างจังหวัดในวันหยุดยาว ควร ตรวจสภาพรถยนต์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ  ก่อนออกเดินทาง เพราะจะลดการเกิดปัญหารถเสียระหว่างทางได้ และลดการเกิดอุบติเหตุได้ด้วย จุดไหนที่ควรเช็คบ้างเรามีคำแนะนำให้คุณ

 

แบตเตอรี่

          แบตเตอรี่เป็นสิ่งแรกที่ต้องเช็ค เพราะเป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจุดกำเนิดพลังงานที่กระจายไปตามเครื่องยนต์ และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ควรเช็คว่าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ เช็คอายุการใช้งานของท่านว่ามีอายุการใช้งานมานานเท่าไหร่แล้ว ถ้าอายุการใช้งานยังไม่ถึง 12 เดือนโอกาสที่แบตเตอรี่มีปัญหาน้อยมาก แต่ถ้าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของท่าน 12-24 เดือน ให้ลองเช็คระดับน้ำกลั่น เช็คการสตาร์ทว่าเริ่มมีอาการสตาร์ทติดยากหรือไม่  ทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต เช็คว่าน้ำกลั่นอยู่ที่ในระดับที่กำหนดไหม ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบต และฉนวนหุ้มสาย 

 

เช็คน้ำมันเครื่อง

          น้ำมันเครื่อง มีหน้าที่ช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำหน้าที่ในการระบายความร้อน ทำหน้าที่ในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อน และทำหน้าที่ในการป้องกันการรั่วของกำลังอัด เพราะฉะนั้นก่อนเดินทางควรเช็คน้ำมันเครื่องว่าอายุการใช้งานไม่เกินระยะทางที่กำหนด และระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับเหมาะสม สามารถเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ก่อนออกเดินทางควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร สำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน

 

ล้อและยางรถยนต์

          ล้อและยางรถยนต์ มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนบนท้องถนน เพราะอุบัติเหตุส่วนมากก็เกิดจากยางแตกทำให้รถเสียหลักและอาจจะเกิดการสูญเสียขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรเช็ค คือ ลมยาง รอยแตกขอบยาง ความลึกของดอกยาง และอายุของการใช้งานของยาง เช็คดอกยางทุก ๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร  เช็คว่าแก้มยางมีรอยแตก รอยร้าวไหม เช็คว่ายางมีรอยปูด นูนผิดปกติไหม ยางและอะไหล่ต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

 

น้ำมันเบรกและระบบเบรก

          ระบบเบรก เป็นสิ่งสำคัญเพราะหากระบบเบรกมีปัญหาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช็คว่าเบรกอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ ควรเช็คโดยวิธีเหยียบเบรกแล้วฟังว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่หากมีเสียงผิดปกติ ควรนำรถไปเช็คกับศูนย์ที่ท่านใช้บริการอยู่โดยด่วนน้ำมันเบรกถ้ายังไม่เกิน Max หรือต่ำกว่า Min ก็ถือว่ายังปกติ แต่ถ้าน้ำมันเบรกลดลงครึ่งนึงหรือต่ำกว่า Min ควรนำรถไปเช็คกับศูนย์ที่ท่านใช้บริการอยู่

 

ระบบส่องสว่าง

          ระบบส่องสว่าง และสัญญาณไฟเตือน ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟหลัง ไฟสูง ไฟต่ำ ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน ฯลฯ ต้องเช็คให้ครบทุกส่วนเพราะระบบส่องสว่างก็สำคัญไม่น้อยในยามที่เราเดินทางตอนกลางคืน จำเป็นต้องใช้ระบบส่องสว่าง หากระบบส่องสว่าง ปัญหาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้  ควรเช็คไฟส่องสว่างให้ครบทุกดวง ว่าใช้งานได้ปกติ ไม่มัว หากมีอาการติด  ๆ ดับ ๆ ควรนำรถไปเช็คกับศูนย์ที่ท่านใช้บริการอยู่ หรือหาหลอดไฟดวงใหม่มาเปลี่ยน

 

ช่วงล่าง

          ช่วงล่าง สามารถตรวจสอบได้ดีโดยการทดลองขับขี่บนท้องถนนจริงๆ เพราะผู้ที่ขับขี่สามารถรู้ได้ถึงความผิดปกติของช่วงล่าง และเช็คโช๊คได้โดยการใช้แรงกดไปยังตัวรถ หากไม่สามารถคืนตัวได้หรือคืนช้า ๆ ติด ๆ ขัด ๆ แสดงว่าระบบโช๊คมีปัญหา ควรพารถเข้าไปให้ช่างเช็ค

 

ระบบหล่อเย็นในรถ

          ระบบระบายความร้อนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อเครื่องยนต์ หากมีความร้อนสะสมจนมากเกินไปขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ ดังนั้นควรตรวจสอบระบบหล่อเย็นในรถอยู่เสมอ สามารถตรวจเช็คได้โดยระบบหล่อน้ำในหม้อพัก และในหม้อเย็นมีน้ำเพียงพอไหม เช็คระบบพัดลมว่ายังใช้งานได้ปกติอยู่ไหม เช็คว่าน้ำมีการรั่วซึมไหม ทุกอย่างต้องอยู่ใสสภาพที่พร้อมใช้งาน


ทำความรู้จักกับยาง off road แต่ละประเภท

          ยางออฟโรดมี 3 ประเภทหลัก ๆ แต่ละประเภทออกแบบให้แตกต่างกันไป เพราะยางออฟโรดจะออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท เพราะฉะนั้นต้องเลือกประเภทยางให้เหมาะกับการใช้งาน มาทำความรู้จักของยางแต่ละประเภทกันเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของท่าน

 

ยางประเภท HT หรือ HIGHWAY TERRAIN

          ยางประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นยางที่ติดมากับรถใหม่จากโรงงานโดยตรง เป็นยางประเภทที่คนนิยมใช้กับการใช้งานบนถนนทั่วไป เป็นยางที่มีดอกขนาดเล็ก เรียบ ยางตัวนี้รีดน้ำได้ดีเกาะถนนได้ดี และยังมีน้ำหนักเบา มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ยางตัวนี้มีน้ำหนักเบากว่าตัวอื่น เป็นยางที่มีความนุ่ม เงียบ สามารถทำความเร็วได้สูง และยังสามารถระบายความร้อนได้ดี แต่ยางประเภทนี้ไม่สามารถรับน้ำหนักของรถบรรทุกได้ จึงไม่เหมาะกับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเยอะ และไม่เหมาะกับการที่นำรถไปลุย เพราะอาจทำให้แก้มยางฉีกขาดจากก้อนหินที่มีขนาดให้ได้ หรือจากเศษไม้ต่าง ๆ

 

ยางประเภท AT หรือ ALL TERRAIN

          ยางประเภทนี้เป็นยางที่มีความแข็ง แกร่ง ทนทาน จึงเหมาะทั้งสายทางเรียบ และสายลุยตามป่าเขา หรือจะเป็นถนนบ่อ เลน ตัวยางจะมีร่องหนา และมีดอกขนาดใหญ่ขึ้น ดอกยางถูกออกแบบมาให้รองรับถนนทุกแบบ แต่ไม่เหมาะกับการวิ่งด้วยความเร็วสูงสักเท่าไหร่ ตัวยางจะมีเสียงดังมากกว่ายางรุ่น HT และมีน้ำหนักมากกว่าจึงใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นไปด้วย แต่สามารถตะกุยดินได้มากกว่า และสามารถสะบัดดินออกจากตัวยางได้มากกว่า

 

ยางประเภท MT หรือ MUD TERRAIN

          ยางประเภทนี้เหมาะกับสายลุยโดยเฉพาะ เพราะมาพร้อมกับดอกยางที่มีขนาดใหญ่ มีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า HT และ AT มีทั้งแก้มยางที่หนากว่า อีกทั้งมีดอกยางที่เยอะกว่ารวมไปถึงมีร่องยางที่ลึก และห่างกันเป็นอย่างมาก เน้นตะกุยดิน และสะบัดดินออกจากล้อได้ดีเป็นอย่างมาก ยางประเภทนี้เหมาะกับสายลุยหนัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นป่า เขา และโคลน เป็นต้น แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานถนนทั่วไปเพราะยางมีขนาดหนาหนัก และขณะวิ่งยังมีเสียงดัง ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าชนิดอื่น และยังไม่เกาะถนนอีกด้วยเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง เพราะดอกยางไม่ได้มีพื้นสัมผัสกับถนนมากพอ และยางตัวนี้ยังมีราคาสูงอีกด้วย

 

          ยางแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรเลือกยางให้เหมาะสมกับการใช้งานเพราะจะทำให้ประหยัดพลังานเชื้อเพลิง และขับขี่ได้อยากปลอดภัยถ้าหากเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน


ยางรถยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

          ยางรถยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หลาย ๆ คนที่คุ้นเคยกับยางรถยนต์ ซึ่งจะมีหลายยี่ห้อมาก ที่มีรูปลักษณะแตกต่างกันไปอย่างมาก ยางรถยนต์จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ในการขับขี่แต่ละครั้ง และรวมถึงความปลอดภัยในแต่ละครั้งอีกด้วย ไม่ว่าจะถูกจะแพง การขับขี่ปลอดภัยจะมาเป็นอันอับที่ 1 เสมอ

 

          ยางรถยนต์ คือ ชิ้นส่วนที่ประกอบของรถยนต์ เป็นส่วนสำคัญที่สุด ซึ่งมีรูปลักษณะเป็นสีดำ วงกลมเป็นรูปตรงกลาง เป็นวงแหวน ที่ด้านในบรรจุอากาศ ที่มีความดันสูง เพื่อการขับเคลื่อนตัว และเพื่อการรับน้ำหนัก และบรรทุกสิ่งของ

 

โครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์สามารถจำแนกส่วนประกอบออกได้เป็น ดังนี้

 

หน้ายาง (Tread)                                        

          ส่วนประกอบที่อยู่ภายนอก ที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนน เพื่อป้องกันของมีคมที่จะมาทำอันตรายต่อโครงของล้อ และเป็นการยึดติดเกาะถนน เป็นยางที่ต้องมีประสิทธิภาพกับการใช้งานมากขึ้น

 

ไหล่ยาง (Shoulder)                                                            
          ส่วนที่เชื่อมกับยางรถยนต์ หรือหน้ายาง และแก้มยาง มีความหนาพอสมควร ยางยนต์จะถูกออกแบบ ด้วนหน้ายางที่มีลักษณะ หลายรูปแบบ เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภทไป

 

แก้มยาง (Sidewall)                                                                 
          ขอบด้านในสุดของยางที่ไม่สัมผัสกับพื้นถนน เป็นส่วนที่ยืนหยุ่นหน้ายางที่ไม่ได้โดนถนนในเวลาที่รถวิ่งอยู่ มันจะทำหน้าที่หุ้มโครงสร้างของยางรถยนต์ เพื่อไม่เกิดความเสียหาย

 

โครงยาง (Carcass)                                                                 

          ส่วนประกอบหลักของยาง ที่ทำจากผ้าใบ ที่มีหลายชั้น และจะกลายเป็นรูปร่าง สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่ารุ่นปกติ และไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นแน่นอน

 

ผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือเข็มขัดรัดหน้ายาง (Breaker or Belt)

          คือชั้นระหว่างด้านหน้ากับโครงสร้าง ถ้าหากเป็นยางธรรมดา จะเรียกว่าผ้าใบเสริมหน้ายาง ส่วนยางเรเดียล ส่วนใหญ่จะเรียกเข็มขัดหน้ายาง จะทำให้หน้ายางแข็งแรง สามารถกระแทกได้มากกว่าเดิม

 

ขอบยาง (Bead)                                                                

          จะประกอบด้วยเส้นลวด และเหล็กกล้า ที่สามารถยืด ส่วนทั้ง 2 ปลายของทั้งสองได้ จะช่วยในเรื่องของความแข็งแรง สามารถกระแทกได้ดีเยี่ยม ป้องกันโครงสร้างของยาง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

 

          แบรนด์ยางรถยนต์ในช่วงตลาด มีหลากหลายแบรนด์มาก และหลายราคา ที่มีความสำคัญในการใช้งาน ที่ช่วยเกาะติดถนน และการที่เลือกร้านเปลี่ยนที่คุณไว้ใจ  เพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทางของคุณ และคนที่คุณรักอีกด้วย


ดูแลรถยนต์มือสอง ให้เหมือนรถยนต์มือหนึ่ง

          ดูแลรถยนต์มือสอง ให้เหมือนรถยนต์มือหนึ่ง การที่จะเลือกรถยนต์มาใช้งานสักคัน คุณต้องคิดแล้ว คิดอีก กับการคำนวณเงินที่มี ว่าจะเพียงพอกับการซื้อรถยนต์หรือไม่ บางคนอาจจะคิดว่า การซื้อรถยนต์แล้วจะถอยป้ายแดงเสมอ และบางคนอาจจะถอยรถยนต์แค่มือสอง และการซื้อรถยนต์มือสองต้องกลับมาดูแลสภาพเครื่องยนต์ แตกต่างกับรถยนต์ป้ายแดงที่ไม่ต้องมาดูแลอะไรมากนัก วันนี้เรามีดูแลรถยนต์มือสองยังไง ให้ดูแลใหม่ให้เหมือนรถมือหนึ่ง         


 

ของเหลว         

          คุณซื้อรถยนต์มือสอง จะไม่มีทางรู้เลยว่าของเหลวในรถยนต์ ยังใช้งานได้ปกติหรือไม่ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ต้องมีระยะเวลาเวลาในการเปลี่ยนอยู่เป็นระยะ ๆ รถยนต์ที่คุณซื้อมา ไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าเขาได้ทำการเปลี่ยนถ่ายแล้วหรือยัง หรืออาจจะมีการซื้อขาย แล้วมาจอดตั้งไว้เลยก็ได้ ง่าย ๆ เลยคือ ทางเราต้องทำการเปลี่ยนของเหลว ให้ใหม่ทั้งหมด เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก  เพื่อเป็นการเริ่มต้นนับใหม่ เพื่อการใช้งาน และความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ทั้งหมด

 

ล้อและยาง                      

          การซื้อรถยนต์มือสอง ยางบางคันอาจจะอยู่ในสภาพดี หรือบางคันต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะเจ้าของเก่าที่ตัดสินใจขายแล้ว ยางที่ได้ติดกับรถยนต์มาไม่รู้ดี หรือไม่ สามารถใช้งานต่อได้หรือไม่ หรืออาจจะมีรอยปะมาแล้วก็ได้ ใดใดเพื่อความสบายใจการขับขี่ หรือความนุ่มนวลในการนั่ง แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ เพื่อการใช้งานในระยะเวลานาน ๆ และความสบายใจของคุณอีกด้วย       

 

ขัดสีรถยนต์   

          การขัดสีรถยนต์ เป็นการขัดเพื่อความสวยงาม และทำให้รถยนต์ดูใหม่ เป็นการล้างรถยนต์ และการเคลือบ ทำให้สีดูเงางาม หรือลบรอยขนแมวได้อีกด้วย จะทำให้รถยนต์ของคุณดูใหม่ ไม่แพ้รถยนต์มือหนึ่งเลย   

 

แบตเตอรี่                                    

          คุณเองก็ไม่อยากจะเจอ กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดของวันยุ่ง ๆ ที่พอจะสตาร์ทรถยนต์แล้วไม่ติด มันอาจจะทำเสียเวลามากในวันนั้น เพราะคุณซื้อรถยนต์เป็นมือสองมา โดยที่ไม่รู้ว่ารถยนต์คันนี้ ได้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หรือยัง หรือว่าแบตเตอรี่ยังคงเหลือ แต่ไม่มากนัก อาจจะทำให้คุณกังวล และไม่มั่นใจในการสตาร์ทรถแต่ละครั้ง เพื่อความสบายใจของคุณเอง แนะนำให้คุณเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ตัวใหม่ จะทำให้คุณไม่เสียเวลาในการเดินทางแต่ละครั้ง                 

 

แผ่นกรองอากาศ                         

          การกรองอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อความสะอาด หรืออากาศที่ดีในรถยนต์ เพราะรถยนต์มือสองที่จอดนาน ๆ พอเปิดแอร์ในรถยนต์แล้ว อาจจะทำให้มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอับออกมา ฉะนั้นให้คุณเปลี่ยนแผ่นกรองใหม่ เพื่ออากาศบริสุทธิ์ในรถยนต์            

    

          การเลือกรถยนต์ไม่ว่าจะ มือหนึ่ง หรือมือสอง มันก็จะมีคุณค่าทางจิตใจเสมอ อยู่ที่คุณจะดูแลมันยังไง การซื้อรถยนต์มือสองมา อาจจะจ่ายถูกกว่า แต่ต้องแลกกับการบำรุงรักษา และดูแลมันให้อยู่คงที่ตลอดเวลา      

         


แบตเตอร์รี่รถยนต์ ใช้น้ำเปล่าแทนน้ำกลั่นได้หรือไม่ ?

          แบตเตอร์รี่รถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง มีหน้าที่เก็บและกระจายกระแสไฟให้กับส่วนต่าง ๆ  รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์และในแบตเตอร์รี่จะมีน้ำกรดภายในเมื่อใช้งานระยะหนึ่งจะมีการระเหยออกจำเป็นต้องเติมน้ำเข้าไปหลายคนยังสงสัยสามารถเติมน้ำเปล่าแทนได้ไหม ?

 

แบตเตอร์รี่ที่นิยมใช้รถยนต์หรือชนิดอื่น ๆ จะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

แบตเตอร์รี่แห้ง

          มักเป็นแบตเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขั้นตอนการดูแลที่ไม่ยุ่งยาก หรือแทบจะไม่ต้องยุ่งยากไม่ต้องดูแลอะไรเลยเพราะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นสามารถทิ้งไว้ในสภาพไม่มีประจุไฟนานได้กว่าแบตเตอร์รี่ธรรมดา

 

แบตเตอร์รี่น้ำ

แบตเตอร์รี่ดั่งเดิมส่วนผสมจะประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง มีความทนทานต่อประจุไฟอายุการใช้งานนานต้องมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่น และอาจจะเติมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้แบตเตอร์รี่พร้อมใช้งานเสมอ

 

แบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง

          แบตเตอร์รี่ที่ต้องควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอีกเช่นกัน แต่อาจจะไม่เท่ากับแบบน้ำเพราะน้ำกรดภายในแบตเตอร์รี่แบบกึ่งแห้งนั่นจะมีความเข้นข้นทำให้ระเหยช้ากว่าแบบน้ำ

 

แบตเตอร์รี่ไฮบริด

          แบตเตอร์รี่ที่พัฒนามาจากแบบน้ำภายในประกอบด้วยโลหะผสมตะกั่วกับเคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบเพื่อลดการระเหยของน้ำกลั่นที่สูงมากในแบตเตอร์รี่มักใช้งานกับรถหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถยนต์รับจ้าง ราคามักสูงกว่าชนิดอื่น

 

น้ำกรดและน้ำกลั่น แตกต่างกันอย่างไร

น้ำกรด เป็นน้ำกำมะถันเจือจางที่ทำให้ขั้วลบเกิดปฏิกิริยาจนเกิดคลื่นไฟฟ้ามักใส่ในแบตเตอร์รี่ก่อนการใช้งานครั้งแรกเท่านั้น

น้ำกลั่น คือน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูง โดยได้การควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำซึ่งจะได้น้ำที่มีค่าความเป็นกรดเหมาะสำหรับการเติมแบตเตอร์รี่รถยนต์

 

แบตเตอร์รี่รถยนต์ ใช้น้ำเปล่าเติมได้ไหม ?

          เคยได้ยินใช่ไหมว่า ?  ให้ใช้น้ำเปล่าเติมแบตเตอร์รี่รถยนต์แทนน้ำกลั่น เพราะเป็นน้ำสะอาดทดแทนกันได้ แต่ที่จริงแล้วน้ำกลั่นเป็นน้ำที่ไม่มีธาตุต่าง ๆ เจือปนมีความบริสุทธ์สูง แต่น้ำเปล่านั่นมีแร่ธาตุมากมายไม่จำเป็นต่อแบตเตอร์รี่หากเติมน้ำเปล่าแทนอาจจะส่งผลต่อแรงดันไฟ

          แบตเตอร์รี่เป็นสิ่งที่เราควรดูแลเอาใจใส่และดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อการใช้งานที่ยาวนานและประหยัด การใช้แบตเตอร์รี่ควรเลือกตามความเหมาะสมกับรถ ซึ่งจะมีอยู่มากมายหลายแบบ


แอร์รถยนต์ไม่เย็น ออกแต่พัดลม เป็นเพราะอะไร ?

          แอร์ไม่เย็นปัญหาใหญ่หลวงของชาวสี่ล้อ  เพราะอากาศของประเทศไทยเราอย่างที่ทุกคนก็ทราบกันดีว่าร้อนมาก มีอุณหภูมิสูงขนาดทอดไข่ได้เลยทีเดียว จะเปิดประทุนหรือเปิดกระจก ก็มีมลพิษทางอากาศมากมาย ยิ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาระดับโลก คือ เชื้อไวรัส Covid-19  เกิดความวุ่นวาย และเสียหายทุกประเทศทั่วโลกเกิดสายพันธุ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน มันเลยไม่ดีมากนัก หากจะขับรถแบบเปิดกระจกหรือเปิดประทุน เสี่ยงติดเชื้อเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่รถยนต์จะเกิดการผิดปกติอย่างแอร์ไม่เย็น เพราะการใช้งานเสื่อมอายุไข ทำให้เกิดอาการผิดปกติได้  ไม่ใช่แค่เพราะการเสื่อมอายุไขแค่อย่างเดียว มันยังบ่งบอกถึงความผิดปกติของรถยนต์คุณอีกด้วย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สาเหตุบางครั้งอาจจะเกิดเพราะความไม่ระวังหรือคาดไม่ถึง มันสามารถส่งผลเสียให้รถยนต์ของคุณได้ภายหลังอีกด้วย

 

สาเหตุที่ทำให้รถยนต์แอร์ไม่เย็นมีสาเหตุอะไรบ้าง

          แน่นอนว่าสาเหตุมักจะไม่แน่นอนเพราะมีหลายสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น เช่น น้ำยาแอร์หมด สายท่อแอร์รั่ว ระบบระบายความร้อนไม่ดี ลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท และอื่น ๆ 

 

เราลองมาเช็ครถยนต์กันดูเถอะว่ารถยนต์ของท่านเกิดปัญหาเหล่านี้หรือไม่

น้ำยาแอร์ขาดหรือหมด

 

          น้ำยาแอร์หมดหรือขาดเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นหรือเย็นน้อยลง จะมีแต่ลมร้อนออกจากช่องระบาย วิธีแก้ คือ ลองสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดระบบปรับกาศ เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน และตรวจสอบช่องเติมน้ำยา หากหมดให้รีบเติมแต่หากน้ำยายังคงมีปกติ ควรรีบพาเข้าศูนย์บริการใกล้บ้านโดยเร็ว

 

ตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่วซึม

          ตู้แอร์ สายท่อ หรือท่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่ว หรือชำรุดมีสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นจึงทำให้ค่าแรงดันแอร์ลดลง ลองตรวจสอบโดยการนำยาล้างจานหรือฟองสบู่ ราดบริเวณท่อหากเกิดรอยรั่วหรือชำรุด ก็จะเกิดฟองกาศ ออกมาวิธีนี้จะทำให้เรารู้ตำแหน่งของรอยรั่วนั่น

 

ระบบระบายความร้อนบนแผงคอยล์ร้อนไม่ดี

          วิธีตรวจสอบง่าย ๆ คือ เปิดฝากระโปรง ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ และเปิดแอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน ลองสังเกตพัดลมหน้าแผงคอยว่ามีอาการผิดปกติ หรือมีเสียงอะไรขัดข้องหรือเปล่า หากแผงคอยร้อนสกปรกก็ควรทำความสะอาด เพื่อให้ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์กลับมาทำงานปกติระบบแอร์ก็จะดีขึ้น

 

ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวมไม่มีกำลังอัด

          ลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวมหรือเสื่อมคุณภาพส่งทำให้แอร์ไม่เย็นเท่าที่ควรเพราะลูกสูบจะทำให้ความดันน้ำยาแอร์น้อยลงปริมาณน้ำยาแอร์ที่เข้าไปไม่เพียงพอ แก้ไขโดยการเปลี่ยนใหม่ทันที

 

ชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตัน หรือเสื่อมคุณภาพ

          ชุดวาล์วหรือดรอยเออร์มีปัญหาจับไม่สนิท เป็นอีกอย่างที่ทำให้แอร์ไม่เย็นหรือาจจะไม่เย็นเลยเพราะชุดวาล์วและดรอยเออร์อุดตันแอร์ทำงานไม่เต็มที่ ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์หากแอร์มีเสียงดังลองเร่งเครื่องสังเกตอาการหากเร่งแล้วเย็น แปลว่าอุดตันต้องถอดเปลี่ยนชุดวาล์ว ดรอยเออร์ใหม่

 

คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท

 

          ปัญหาคลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท หรือปัญหาคลัตช์ลื่น เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แอร์รถเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง หรือบางทีอาจจะไม่มีความเย็นเลย มีแต่ลมออกมาจากช่องแอร์ ซึ่งเกิดจากกระแสไฟที่ส่งเข้ามายังคลัตช์แม่เหล็กมีปริมาณน้อย สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. เช็คสายไฟที่ส่งมาที่คอมเพรสเซอร์

  2. เช็คชุดสวิตท์เซ็นเซอร์ทำหน้าที่ควบคุมความเย็น

  3. ปรับหน้าคลัตซ์ให้เรียบหรือเปลี่ยนใหม่ (อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง)

 

สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อนมากเกินไป

          สายพรานคอมเพรสเซอร์หย่อนจะทำให้คอมเพรสเซอร์ที่ทำงานอยู่ฟรีได้ สาเหตุทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่หมุนลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ หากสังเกตดูว่ามีอาการคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่แล้วเกิดเสียงดัง ส่งผลให้แอร์รถไม่ค่อยเย็นหรือไม่มีความเย็นเลย สามารถแก้ไขโดยการปรับระดับสายพานให้ตึงขึ้น แต่ต้องระวัง หากสายพานมีรอยแตกหรือฉีกขาดควรเปลี่ยนเส้นใหม่ ไม่ควรใช้เส้นเดิม

 

การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท

          เลือกน้ำยาตามใจชอบทำให้แอร์ไม่เย็นแล้วยังส่งผลต่อระบบเครื่องยนต์ทำให้อุปกรณ์แอร์เกิดความเสียหาย และค่อย ๆ หมดอายุการใช้งานไป          

 

ฟิวส์ชุดชำรุดเสียหาย     

          บางครั้งอาจจะเกิดจากสาเหตุที่เราคาดไม่ถึงอย่างเช่น ฟิวส์เสียหรือไหม้จะส่งผลต่อการทำงานของแอร์หากไม่แก้ไขอาจจะทำให้ลามไปถึงวงจรอย่งอื่นได้เช่นกัน

 

รถยนต์มีความร้อนสูง

          สาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นอาจจะไม่เกิดจากแอร์โดยตรงก็ได้ เนื่องจากจากรถยนต์มีความร้อนมากเกินไปทำให้พัดลมระบายความร้อนได้ไม่ดีมากนักทำให้เกิดผลกระทบไปถึงความเย็นของแอร์ได้              


การตรวจเช็คสภาพรถยนต์

          ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะเมินเฉยต่อ การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ จะเข้าศูนย์บริการต่าง ๆ ก็ต่อเมื่อรถยนต์มีปัญหาไม่อย่างใดก็อย่างนึงใช้รถเมื่อใช้เสร็จก็จอด น้อยคนนักที่จะหมั่นตรวจเช็คสภาพรถของตัวเองก่อนใช้งาน และหลังใช้งาน นี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมายจากความเลินเร่อภายในท้องถนน ตัวท่านเองอาจจะระมัดระวัง แต่ไม่สามารถระวังได้ตลอดเวลา อุบัติเหตุมักเกิดจากรถยนต์มีปัญหา และไม่สามารถควบคุมได้ชั่วขณะ ทั้งนี้ทั้งนั่นควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ของท่านอย่างละเอียดรอบคอบสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การตรวจเช็คสภาพหมั่นเข้าศูนย์บริการเตรียมความพร้อมให้รถยนต์ของท่านอยู่สม่ำเสมอ เป็นอีกวิธีนึงที่ช่วยลดอุบัติเหตุ เนื่องจากสภาพรถยนต์มีความพร้อมในการใช้งาน สภาพคงทนสมบูรณ์ตลอดเวลา แถมยังทำให้รถของท่านน่าขับขี่ และขับขี่ปลอดภัย เนื่องจากเช็คสภาพอยู่บ่อยครั้ง

 

เรามาดูกันเลยว่ารถยนต์ของท่านอาจจะเกิดปัญหาอะไรได้บ้าง ?

ล้อและยางรถยนต์

          หลายท่านอาจจะงงว่าล้อ และยางรถยนต์เกี่ยวกันยังไงรถใช้ทุกวันล้อหรือยางมีปัญหาตอนขับก็ต้องรู้สึกสิ แต่ท่านคิดหรือไม่ว่าล้อ และยางก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสาเหตุ ดอกยางหมด ท่านอาจจะขับรถยนต์ทุกวันผ่านการใช้งานที่หนักหน่วง และไม่ได้เช็คสภาพของยางเลยหากยางหมดดอกที่ทำหน้าที่ยึดเกาะถนนให้คงที่อยู่กับพื้นถนนแล้วละก็อาจจะเกิดการลื่นบนท้องถนน ควบคุมบังคับรถอยู่ไม่ได้ และอาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน

 

น้ำมันเครื่อง

          หลายท่านอาจจะนิ่งนอนใจ โอ้ย !!! 6 เดือนหรือ 10000 กิโลเมตร เปลี่ยนครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก หรืออาจจะ 7-8 เดือนครั้ง ขับใกล้บ้านไม่มีปัญหาหรอก วันใดที่ท่านต้องเดินทางออกต่างจังหวัดแบบเร่งด่วนโดยที่ท่านไม่เคยเช็คสภาพรถยนต์ของท่านเลย น้ำมันเครื่องถ้าไม่มั่นตรวจเช็คอย่างรอบคอบสม่ำเสมอตามระยะทางที่กำหนด อาจจะเกิดน้ำมันเครื่องแห้ง เครื่องดับ สตาร์ทรถไม่ติด 

 

ระบบไฟส่องสว่าง

          ระบบไฟที่ใช้ให้แสงสว่างที่จำเป็นอย่างยิ่งในเวลากลางคืน รถที่ท่านใช้งานอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่ได้เช็คอะไรเลย ไม่วันใดก็วันนึงอาจจะมีปัญหา ไม่ช้าก็เร็ว หากเกิดมีสัตว์ตัวเล็กกัดแทะสายไฟ ซึ่งมันอาจจะไม่ขาดในทีเดียวอาจจะติด ๆ ดับ ๆ วันนึงหากท่านขับรถในที่การจราจรที่ติดขัดหรือที่ทึบมืด เกิดไฟท้ายหรือไฟหน้าดับขณะขับรถ ท่านจะขับขี่ให้ปลอดภัยอย่างไร 

 

ช่วงล่าง

          ช่วงล่างรถยนต์เป็นที่ที่ตรวจสอบสอบเองไม่ได้ ยกเว้นเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ยิ่งแล้วใหญ่หากไม่มีการตรวจเช็คอะไรเลย เพราะเป็นที่ที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดปัญหาอะไรบ้างเพราะเราไม่สามารถเข้าไปดูได้ รถอาจจะเกิดปัญหาน้ำมันเครื่องรั่ว หรือกระแทกเสียดสีท้ายท้องรถทำให้เกิดปัญหาช่วงล่างได้

 

หม้อน้ำ ระบบหล่อเย็น

          เป็นอีกอย่างที่อาจจะทำให้เครื่องยนต์ของท่านเสีย และอาจจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงได้ ระบบหล่อเย็น หม้อน้ำเป็นระบบสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยนต์ของท่านทำงานไม่หนักเพิ่มความเย็น ขับความร้อนของรถยนต์ หากระบบหล่อเย็น หรือหม้อน้ำแห้งอาจจะเกิดเหตุ เครื่องยนต์น็อค และเครื่องยนต์ของท่านอาจจะพังต้องเสียค่าซ่อมแพงกว่าการเช็คสภาพที่ศูนย์บริการ

 

          รู้แบบนี้ท่านอย่าเมินเฉยต่อการตรวจเช็คสภาพรถนะครับ เพราะเราเป็นห่วงคุณด้วยความห่วงใย จาก ไทรพลัสเอกการยาง

 

 


เกร็ดความรู้สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์มือใหม่

          วันนี้ ‘‘ เอกการยาง ’’ มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ยางรถยนต์ มาบอกท่าน เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ ยางรถยนต์ ให้เข้าใจกันเถอะ ประโยชน์ของยางรถยนต์มีคุณสมบัติของยางที่สำคัญถึง 4 ประการที่จะช่วยให้คุณขับรถได้อย่างปลอดภัย

  1. คุณสมบัติของยางรับน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุก

  2. คุณสมบัติของยางลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน

  3. คุณสมบัติของยางเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนทิศทางการขับขี่

  4. คุณสมบัติของยางเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนและหยุดรถ

 

          ยางรถยนต์ สินค้าที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในโชว์รูมรถยนต์บริษัทต่าง ๆ หรือร้านบริการต่าง ๆ ของรถยนต์ ยางเป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อรถยนต์ รถบรรทุก รถมอเตอไซต์ ล้อยางรถบรรทุก มีสมบัติที่ทนทานและรับน้ำหนักได้ดี ซึ่งต่างจากล้อยางของรถยนต์ปกติทั่วไปที่แน่นในเรื่องของความนุ่มสบายในการทรงตัวยึดเกาะถนน และความทนทาน ในอดีตยางรถยนต์ผลิตจากยางธรรมชาติหรือเรียกว่ายาง NR ปัจจุบันมีการนำยางสังเคราะห์ประเภทยาง SBR  และยาง BR  มาผสมด้วยเพื่อปรับปรุงสมบัติของยางธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น

 

          โรงงานผลิตยางรถยนต์หลายแห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ต่างแข่งขันกันเพื่อปรับปรุงแก้ไขสมบัติเรื่องการยึดเกาะผิวถนน  ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย ลวดลายหน้ายางเรียกว่า   “ดอกยาง”   มีลักษณะเป็นร่องและคดหยัก รอยหยักจะช่วยรีดน้ำให้ไหลผ่านล้อไปทางด้านหลัง ช่วยให้ล้อหมุนไปบนถนนที่เปียกแฉะและยังยึดเกาะถนน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับทิศทางของรถได้  ถ้าหากรถยนต์ไม่มีดอกยางเพื่อยึดเกาะถนนทิศทางของรถในขณะที่วิ่งบนถนนที่เปียกทำได้ยากลำบาก และอาจจะเกิดอันตรายภายในท้องถนนขึ้นได้

          และไม่ว่าอย่างไรก็ตามดอกยางอาจจะไม่จำเป็นเลย  หากพื้นถนนแห้งสนิทเหมือนเช่น สนามแข่งรถ ยางที่ใช้ในการแข่งใช้ยางชนิดที่พิเศษ และไม่มีดอกยาง  หน้ายางสัมผัสพื้นถนนได้ดีมาก ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดีกว่ารถธรรมดาทั่วไปมาก แต่หากถนนที่ใช้แข่งเปียก รถแข่งก็ต้องเปลี่ยนยางมาเป็นชนิดที่มีดอกยางแทน ดอกยางเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง จึงออกแบบลวดลายให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพถนนต่าง ๆ ล้อยางพิเศษสามารถวิ่งบนพื้นที่เปียกในอ่างน้ำหรือโคลนได้อย่างสบาย เพราะมีลวดลายดอกยางเป็นร่องลึกตรงกลางในแนวยาวรอบล้อยางเพื่อเป็นทางให้น้ำจากใต้ล้อไหลพุ่งผ่านออกไป และยังยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

 

ดอกยาง โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท 

แบบ 2 ทิศทาง
          สลับยางกันได้ทุกตำแหน่ง มีลักษณะดอกยางสวนทางกันไม่เน้นในการขับขี่รวดเร็ว สะดวกสบายในการขับขี่

 

แบบทิศทางเดียว
          ดอกยางไปในทิศทางเดียวกัน และยังคงมีสัญลักษณ์ลูกศรบริเวณแก้มยาง เพื่อบอกตำแหน่งทิศทางการหมุนของล้อให้ช่างสามารถใส่ได้อย่างถูกต้อง ยางประเภททิศทางเดียวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรีดน้ำ ได้ดีกว่าประเภท แบบ 2 ทิศทาง

 

แบบไม่สมมาตรกัน
          ดอกยางจะมีลักษณะที่ไม่เท่ากัน จะมีด้านใดด้านนึงหนากว่าข้างนึง สำหรับการขับแบบเข้าโค้ง หรือเหมาะสำหรับในรถยนต์บางยี่ห้อที่ออกแบบให้การขับขี่มีการเข้าโค้งในความเร็วสูง แต่สำหรับบ้านเราก็อาจมีไม่มากนัก แต่หลายท่านคงไม่ทันสังเกตดอกยาง หรือแค่คำนึงถึงความสวยงามของดอกยาง โดยที่ไม่ทราบรายละเอียดว่าคุณลักษณะของยางนั้นขึ้นตรงกับดอกยางด้วย ที่แน่ ๆ คือความสามารถในการรีดน้ำ กับความเงียบในการขับ สังเกตได้ดังนี้

  • ดอกยาง   ที่ละเอียดแบบซอยยิบเล็ก ๆ จะทำให้ลดเสียงเวลาตัวยางบดกับพื้นถนน   

  • ดอกยาง   ที่มีร่องจะสามารถรีดน้ำได้ดีกว่ารุ่นที่ไม่มี

  • ดอกยาง   ที่มีน้อยจะเกาะถนนแห้งได้ดี และจะไม่เกาะเลยถ้าถนนเปียก


          ในการใช้งานของยาง ดอกยางจะมีการสึกหรอลงไปเรื่อย ทำให้สมรรถนะด้อยลง จึงควรจะเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาอันควร แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาที่ท่านสมควรเปลี่ยนยางได้มาถึงแล้ว อายุการใช้งานของยางขึ้นอยู่กับตัวแปรสองอย่างนั่นคือ เวลา และการใช้งาน เวลาสามารถวัดได้ แต่การใช้งานจะวัดอย่างไร คำตอบคือใช้ดอกยางในการวัด ยางแต่ละรุ่นกับยี่ห้อมีเครื่องหมายบ่งบอกระดับของดอกยางที่อาจจะต่างกันออกไปโดยส่วนมากจะเป็นเครื่องหมายสามเหลี่ยมที่ขอบแก้มยางใกล้ดอกยาง สังเกตง่าย ๆ ว่าถ้ามีการกินดอกยางจนถึงเครื่องหมายลูกศรสีแดง แสดงว่าสมควรจะเปลี่ยนยางได้แล้ว หรือจะดูที่ดอกยางตื้นแล้วก็สมควรที่จะต้องเปลี่ยนดอกยาง ถ้าเวลาขับรถตอนเลี้ยวแล้วมีเสียงยางเอี๊ยด ๆ ถึงแม้ว่าจะขับช้าก็ตาม เป็นอีกสัญญาณนึงที่บอกว่าใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว                                                                                                      

 


จุดสังเกตแม็กซ์ล้อเทียมหรือไม่

          นักแต่งรถมือใหม่หลาย ๆ คน คงแยกไม่ค่อยออกกันว่าแบบไหนล้อแท้ และแบบไหนล้อเทียม ต้องสังเกตแบบไหนว่าอันไหนล้อแท้ อันไหนล้อเทียม วันนี้เรามีทริคดี ๆ มาให้ทุกคนสังเกตกัน

 

ตรวจตรงดีไซน์ล้อ

          หารายละเอียดของล้อแม็กซ์ที่เราจะซื้อว่ามีลวดลายตรงไหนยังไง ข้อมูลสเปคของสินค้า ลวดลายจุดเด่นของล้อแม็กซ์ เพื่อได้ทำการเปรียบเทียบกับตัวที่เราจะซื้อว่ามีลักษณะเหมือน หรือแตกต่างกัน

 

ตรวจสอบราคา

          ตรวจสอบราคาของล้อแม็กซ์ที่จะซื้อในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าราคาของแท้ ของปลอมจะมีราคาเท่ากัน แต่บางตัวของปลอมอาจจะมีราคาที่ต่ำจนเกินไป จนสามารถเป็นจุดสังเกตได้

 

น้ำหนักล้อแม็กซ์

          ล้อแม็กซ์แท้จะมีน้ำหนักเบากว่าล้อที่ทำเลียนแบบ เพราะผลิตจากวัสดุคนละตัวกัน ล้อแท้จะมีความเบากว่าเพราะผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพกว่า เช่น ตัวอลูมิเนียมอัลลอยด์ ที่มีความเบา และแข็งแรงทนทาน ยังสามารถทนการกัดกร่อนได้ดี

 

สังเกตโลโก้

          สินค้าที่มาจากบริษัทจะมีมาตราฐาน มีโลโก้ที่มีลักษณะนูนขึ้นมา ชื่อแบรนด์ต้องมีความถูกต้อง และตัวอักษรต้องเป็นแบบเดียวกัน จะไม่มีความบางกว่า หรือหนากว่า โลโก้จะต้องมีความเรียบร้อย และสวยงาม ไม่มีที่ตำหนิ